กอปศ. เตรียมปลดล็อคความเป็นอิสระแก่สถานศึกษา ตั้งอ่างขางโมเดลนำร่องการบริหารจัดการศึกษารูปแบบใหม่

![]() ![]() |
![]() ![]() |
![]() ![]() |
![]() ![]() |
![]() |
![]() |
วันที่ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๖๑ ดร.ชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการสภาการศึกษา ดร.ชัยยศ อิ่มสุวรรณ์ รองเลขาธิการสภาการศึกษา ดร.สมศักดิ์ ดลประสิทธิ์ รองเลขาธิการสภาการศึกษา และนายเฉลิมชนม์ แน่นหนา ที่ปรึกษาด้านระบบการศึกษา เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา ครั้งที่ ๓๘/๒๕๖๑ ณ ห้องประชุมสิปปนนท์ เกตุทัต สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา โดยมี ศาสตราจารย์กิตติคุณจรัส สุวรรณเวลา ประธานคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา (กอปศ.) เป็นประธานการประชุม การประชุมครั้งนี้มีการพิจารณา เรื่อง “ร่างแผนการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา” และ “รูปแบบการพัฒนาโรงเรียนเครือข่ายความร่วมมือเพื่อคุณภาพการจัดการศึกษา”
![]() ![]() |
![]() |
![]() ![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() ![]() |
![]() |
'
ศาสตราจารย์กิตติคุณจรัส สุวรรณเวลา เปิดเผยว่า วันนี้คณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษามีเรื่องสำคัญที่พิจารณา ๒ เรื่อง คือ ๑.ร่างแผนการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา แก้ไขตามมติของที่ประชุม กอปศ. เสร็จเรียบร้อยแล้ว และรอเสนอต่อรัฐบาล โดยจะมีการเปิดตัวแผนปฏิรูปฯ และชี้แจงข้อมูลต่างๆ ให้กับประชาชนและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้รับทราบ ซึ่งแผนปฏิรูปฯ นี้ ไม่เพียงแต่เป็นเรื่องการศึกษา แต่ยุงระบุเรื่องต่างๆ ที่ต้องเปลี่ยนแปลง และ ๒.รูปแบบการพัฒนาโรงเรียนเครือข่ายความร่วมมือเพื่อคุณภาพการจัดการศึกษา หรือโครงการอ่างขางโมเดล ซึ่งใน พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติฉบับใหม่ได้กำหนดเรื่องความเป็นอิสระของโรงเรียนไว้ โดยโรงเรียนขนาดเล็กสามารถจับกลุ่มและร่วมกันบริหารแบบอิสระได้ โครงการนี้จึงถือเป็นโครงการบุกเบิกและจะเป็นตัวอย่างให้แก่โรงเรียนอื่นๆ
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() ![]() |
![]() |
![]() |
นางเรียม สิงห์ทร กรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา กล่าวว่า โครงการอ่างขางโมเดลมีโรงเรียน ๕ แห่งร่วมกันบริหารจัดการ ได้แก่ โรงเรียนบ้านขอบด้ง โรงเรียนเทพศิรินทร์ ๙ โรงเรียนบ้านหลวง (อำเภอฝาง) โรงรีบยบ้านผาแดง (อำเภอไชยปราการ) และโรงเรียนสันติวนา (อำเภอไชยปราการ) โรงเรียนเหล่านี้ล้วนมีอัตลักษณ์ที่แตกต่างกัน ทั้งทางด้านภาษา วัฒนธรรม ความเป็นอยู่ คณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษาจึงได้มีข้อเสนอรูปแบบการจัดการศึกษากลุ่มโรงเรียนบนพื้นที่สูงและถิ่นทุรกันดาร อ่างขางโมเดล (Angkhang Model) เพื่อให้เกิดรูปแบบการบริหารจัดการทางการศึกษารูปแบบใหม่บนพื้นที่สูงและถิ่นทุรกันดาร และพัฒนาทักษะของนักเรียนให้สอดรับกับศตวรรษที่ ๒๑ สร้างการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง ชุมชน
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() ![]() ![]() |
![]() |
![]() |
ความเป็นอิสระของโรงเรียนแบ่งออกเป็น ๔ ด้าน ได้แก่ การบริหารการเงิน การบริหารวิชาการ บริหารงานบุคคล และการบริหารจัดการทั่วไป ทั้งนี้โครงการอ่างขางโมเดล มีหลักการดำเนินการความเป็นอิสระ ๒ ด้าน คือ ด้านงบประมาณ และด้านวิชาการ เนื่องจากเป็นโครงการนำร่องจึงเลือกความเป็นอิสระเพียง ๒ ด้านก่อน หากโครงการนำร่องมีความคืบหน้าและเห็นผลชัดเจนจึงจะมีการขยายความเป็นอิสระเพิ่มในด้านที่ ๓ และ ๔
![]() |
![]() ![]() |
![]() |
![]() ![]() |
![]() |
ด้านงบประมาณ รับการจัดสรรงบประมาณเป็นหมวดอุดหนุนแบบ (Block Grant) ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงบประมาณ และเกิดความคล่องตัวตามบริบทของโรงเรียนในพื้นที่ มี ผู้อำนวยการโรงเรียน คณะครู คณะกรรมการสถานศึกษา ตัวแทนผู้ปกครองนักเรียน คณะกรรมการในชุมชน บุคลากรด้านการเงินและงบประมาณจากต้นสังกัด เป็นคณะกรรมการดำเนินการฝ่ายบริหารงบประมาณ งบประมาณเท่าเดิม แต่มีการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพและคุ้มค่า
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
สำหรับด้านวิชาการ เน้นศาสตร์พระราชา และให้เด็กเรียนรู้จากชีวิตจริง หลักสูตรการสอนเป็นแบบ Active Learning เน้นการเรียนรู้ภาษาไทยให้อ่านออกเขียนได้ ส่งเสริมการเรียนรู้ภาษาอังกฤษและภาษาจีนเพื่ออาชีพ การใช้เทคโนโลยีให้ถูกวิธี เพื่อเข้าถึงการเรียนรู้ในศตวรรษที่ ๒๑ และมีการประเมินทางด้านวิชาการของผู้เรียน โดยใช้กรอบ ๑๐ สมรรถนะ ได้แก่ ๑) ภาษาไทยเพื่อการสื่อสาร ๒) คณิตศาสตร์ในชีวิตประจำวัน ๓) การสืบสอบทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ ๔) ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร ๕) ทักษะชีวิตและความเจริญแห่งตน ๖)ทักษะอาชีพและการเป็นผู้ประกอบการ ๗) ทักษะการคิดขั้นสูงและนวัตกรรม ๘) การรู้เท่าทันสื่อสารสนเทศและดิจิทัล ๙) การทำงานแบบรวมพลังเป็นทีมและภาวะผู้นำ และ ๑๐) การเป็นพลเมืองตื่นรู้ และสำนึกสากล
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
โครงการอ่างขางโมเดลได้กำหนดแผนดำเนินการไว้ ๓ ปี ดังนี้ ปีที่ ๑ เปิดตัวแผนงานสร้างความเข้าใจแก่พื้นที่และผู้กำหนดนโยบาย พัฒนาโรงเรียนเป้าหมาย ๕ แห่ง ออกแบบแผนการทำงานทั้งระบบอย่างมีส่วนร่วม (รวมทั้งการลดข้อจำกัดภาระงานเพื่อเพิ่มเวลาให้ครูอยู่กับนักเรียน) พัฒนาระบบข้อมูลโรงเรียนและนักเรียนทั้ง ๕ โรงเรียน พัฒนาระบบโรงเรียนและกลไกการทำงานในทุกระดับ ปีที่ ๒ พัฒนาและยกระดับการทำงาน เพิ่มนวัตกรรมที่จำเป็น ลดข้อจำกัดของโรงเรียน และขยายโรงเรียน เป้าหมายทั้ง ๕ แห่ง ปีที่ ๓ ประเมินผลและขยายไปสู่โรงเรียนที่เหลือกลุ่มโรงเรียนบนพื้นที่สูงและถิ่นทุรกันดาร ในพื้นที่ต่างๆ
![]() ![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
ดร.ชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการสภาการศึกษา กล่าวว่า โครงการอ่างขางโมเดลเป็นโครงการที่ชี้ให้เห็นถึงสิ่งที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติฉบับใหม่ และแผนการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา สามารถเกิดขึ้นได้จริง มีสาระสำคัญ ๓ เรื่อง คือ ๑.โรงเรียนที่มีความเป็นอิสระ และการร่วมกันบริหารจัดการด้านวิชาการและงบประมาณของโรงเรียน ๕ แห่ง ในเขตพื้นที่ตามภูมิศาสตร์ที่อยู่บนเทือกเขาเดียวกัน แต่อยู่คนละเขตพื้นที่การปกครอง ๒.เป็นการทำงานร่วมกันแบบบูรณาการทั้ง สพฐ. กศน. ศึกษาจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และรวมถึงการใช้ทรัพยากรครูและครุภัณฑ์ ร่วมกันอย่างบูรณาการ และ ๓.แนวความร่วมมือที่คล้ายกับโรงเรียนประชารัฐ แต่เป็นกลุ่มโรงเรียนประชารัฐ โดยนายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา ได้รับเรื่องนี้เข้าไปอยู่ในการดำเนินงานของโรงเรียนประชารัฐ และที่ประชุมมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วนจึงตั้งคณะทำงานประกอบด้วย หน่วยงานในพื้นที่ ทีมงานจากส่วนกลาง และทีมงานประชารัฐ โดยมีสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษาเป็นหน่วยงานช่วยผลักดันให้เรื่องนี้เกิดความสำเร็จ วางแผนว่าเดือนกันยายน ๒๕๖๑ จะเร่งดำเนินการหารือ และวางแผนปลดล็อคการดำเนินงานไม่ให้ติดขัด
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |

