วันนี้ (๒๖ มกราคม ๒๕๖๖) ดร.สวัสดิ์ ภู่ทอง รองเลขาธิการสภาการศึกษา เข้าร่วมการประชุมคณะอนุกรรมการสภาการศึกษาด้านนโยบายและแผนการศึกษา ครั้งที่ ๑/๒๕๖๖ โดยมี ดร.อำนาจ วิชยานุวัติ เป็นประธาน พร้อมด้วยนางรัชนี พึ่งพาณิชย์กุล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนการศึกษา คณะอนุกรรมการ ฯ ผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม ณ ห้องประชุมกำแหง พลางกูร ชั้น ๓ อาคาร ๕๖ ปี สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) 
.

ที่ประชุมรับฟังรายงานการติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานเพื่อขับเคลื่อนแผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙ สู่การปฏิบัติ และร่วมกันติดตามผลการวิเคราะห์หน่วยงาน ครอบคลุมส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และหน่วยปฏิบัติ/สถานศึกษา ใน ๓ ประเด็นหลัก คือ ประเด็นที่ ๑ ผลการวิเคราะห์แนวทางการพัฒนาที่เป็นจุดเน้น (Hightlight) ตามยุทธศาสตร์ของแต่ละหน่วยงาน ประเด็นที่ ๒ ผลการติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานตามรายยุทธศาสตร์และแนวทางการพัฒนา และประเด็นที่ ๓ เครือข่ายความร่วมมือเพื่อการดำเนินงานตามแผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๗๙ ซึ่งในการดำเนินงานร่วมกับเครือข่ายได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเป็นอย่างดี ทั้งหน่วนงานภาครัฐ สถาบันการศึกษา และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พบปัญหาที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินงาน เช่น โครงสร้างการบริหารงานไม่ชัดเจน และงบประมาณไม่เหมาะสมกับโครงการขับเคลื่อนแผนการศึกษาแห่งชาติ ฯ ที่ประชุมเสนอให้เปิดรับฟังความเห็นจากผู้ปฏิบัติจริงเพิ่มมากขึ้น ทบทวน/ปรับปรุงเนื้อหาแต่ละองค์ประกอบ และควรพัฒนา Big Data เพื่อเป็นระบบฐานข้อมูลให้ง่ายต่อการเข้าถึงและเผยแพร่สู่สาธารณชนได้รับทราบ
.

จากนั้น ที่ประชุมได้ร่วมกันพิจารณาการศึกษาข้อมูลเบื้องต้นวาระเร่งด่วนการจัดการศึกษา (Quick Win) ที่สำคัญจำนวน ๓ เรื่อง คือ 
๑) ระบบธนาคารหน่วยกิต (Credit Bank System) สกศ. มีการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง โดยในปีงบประมาณ ๒๕๖๖ วางแนวทางนำร่องในระดับภูมิภาค ให้มีการแต่งตั้งคณกรรมการที่ดูแลเรื่องระบบธนาคารหน่วยกิต ๒ ชุด ซึ่งอยู่ระหว่างการสรรหา แต่งตั้ง และลงพื้นที่ในภูมิภาคต่าง ๆ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจ โดยมีศึกษาธิการจังหวัดเป็นหน่วยงานช่วยประสานเชื่อมโยงจังหวัดที่มีความพร้อมและนำร่องจำนวน ๒ แห่ง คือ ปทุมธานี และนครศรีธรรมราช จากการดำเนินงานที่ผ่านมา พบว่า ระดับอุดมศึกษาใช้มหาวิทยาลัยเป็นหน่วยนำร่อง มีการจัดระบบและบริหารจัดการที่ชัดเจนทำให้มีความก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรม แต่ในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานยังขาดความก้าวหน้าและความชัดเจนอยู่มาก โดยเฉพาะผู้เรียนที่อยู่ในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จึงควรเร่งบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  จัดทำ Model ในการดำเนินงานและระบบเทียบโอนที่ชัดเจนเพื่อนำไปใช้ให้ทันต่อการผลิตและพัฒนากำลังคนของประเทศ
๒) เด็กที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษ แบ่งเป็น ๓ กลุ่ม ได้แก่ ๑) กลุ่มที่มีความบกพร่อง ๒) กลุ่มยากจนและด้อยโอกาส และ ๓) กลุ่มที่มีความสามารถพิเศษ (Gifted Child) ซึ่ง สกศ. ได้ดำเนินการร่วมกับ คณะอนุกรรมการสภาการศึกษาด้านการเรียนรู้ตลอดชีวิต ซึ่งที่ผ่านมาการดำเนินงานโดยเฉพาะในกลุ่มเด็กที่มีความสามารถพิเศษหรือ Gifted Child ยังไม่มีระบบการส่งต่อเด็กหลังจากจบการศึกษาในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานที่ชัดเจน ทำให้เกิดการสูญเปล่าทางทรัพยากรมนุษย์ ดังนั้นควรมีการศึกษาและและพัฒนาระบบส่งต่อนักเรียนผู้ที่มีความสามารถพิเศษมากยิ่งขึ้น และประสานหน่วยงานที่รับผิดชอบเกี่ยวกับเด็กที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษ เช่น คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน 
๓) มาตรการและการดำเนินงานของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (The Board of Investment of Thailand: BOI) ด้านสิทธิพิเศษกับการลงทุนเพื่อการศึกษาที่เชื่อมโยงกับมิติทางเศรษฐศาสตร์และเศรษฐกิจ เพื่อดึงดูดให้มีการลงทุนด้านการศึกษา และเป็นการดึงเม็ดเงินเข้ามาหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งในปัจจุบันประเทศไทยมีบริษัทเอกชนที่มีความพร้อมที่จะดำเนินการส่งเสริมการลงทุนด้านการศึกษามากขึ้น แต่ภาครัฐยังไม่สามารถเข้าถึงได้ จึงควรประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ ความเข้าใจเพื่อดึงดูดนักลงทุนเข้ามาในระบบการศึกษา เพื่อเป็นส่วนช่วยในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของประเทศ เชื่อว่าหากมีการผลักดันมาตรการ BOI เข้ามาในภาคการศึกษาจะสนับสนุนกลไก แนวคิดและแนวทางใหม่ ๆ เพื่อพัฒนาการศึกษาได้มากขึ้น 

.

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะอนุกรรมการสภาการศึกษาด้านนโยบายและแผนการศึกษา มีมติเห็นชอบให้มีการแต่งตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนวาระเร่งด่วนการจัดการศึกษา (Quick Win) ใน ๓ ประเด็นสำคัญดังกล่าว เพื่อพิจารณาเสนอความเห็นให้คำแนะนำ และร่วมสร้างกลไกการขับเคลื่อนแผน นโยบายและยุทธศาสตร์การศึกษาแห่งชาติสู่การปฏิบัติ เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศไทยต่อไป