วันที่ 12 มิถุนายน 2568 รศ.ดร.ประวิต เอราวรรณ์ เลขาธิการสภาการศึกษา เป็นประธานการประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง การขับเคลื่อนกฎหมายเพื่อยกระดับการศึกษาเท่าเทียม โดยมี รศ.ดร.วรา วราวิทย์ คณบดีคณะเทคโนโลยีดิจิทัล สถาบันเทคโนโลยีจิตรลดา ดร.สวัสดิ์ ภู่ทอง อดีตรองเลขาธิการสภาการศึกษา ศ.ดร.กฤษณ์ชนม์ ภูมิกิตติพิชญ์ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี พร้อมด้วย ดร.ไกรยส ภัทราวาท ผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา และบุคลากรสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) เข้าร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ณ โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชัน กรุงเทพมหานคร   ควบคู่กับการประชุมผ่านระบบออนไลน์ 

รศ.ดร.ประวิต กล่าวเปิดประชุม พร้อมบรรยายพิเศษเรื่อง  การขับเคลื่อนกฎหมายการศึกษาเท่าเทียมเพื่อสร้างความเท่าเทียมทางการศึกษาของประเทศ ใจความสำคัญว่า สกศ. ได้มีการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อสร้างการรับรู้และสร้างความเข้าใจเรื่องการขับเคลื่อนกฎหมายเพื่อยกระดับการศึกษาเท่าเทียม และจัดทำร่างพระราชบัญญัติการศึกษาเท่าเทียม พ.ศ. .... ตามกลไกที่ร่างกฎหมายกำหนด เพื่อทำให้ประเทศไทยให้มีระบบการศึกษาที่ยืดหยุ่น ตอบโจทย์การเรียนรู้ในทุกช่วงวัย และการจัดการศึกษาเกิดขึ้นได้ทุกที่ ทุกเวลา (Anywhere Anytime) ตามนโยบายของ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ การขับเคลื่อนกำลังคนให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก โดย “การศึกษา” ต้องสามารถเข้าถึงได้ง่าย ได้ทุกคน ไม่เหลื่อมล้ำ เรียนได้ทุกที่ ทุกเวลา เรียนรู้ได้ตลอดชีวิต ซึ่งกลไกที่จะนำไปสู่ความเท่าเทียม  คือ 1. นําเทคโนโลยีเข้ามาช่วยจัดการศึกษา เช่น แพลตฟอร์มทางการศึกษา และระบบการติดตามผู้เรียน 2.  สร้างระบบการเรียนรู้ที่ยืดหยุ่นต่อเนื่องตลอดชีวิต ทั้งธนาคารหน่วยกิต ระบบการสอบเทียบ การเทียบโอนระดับสมรรถนะ 3. สนับสนุนทรัพยากรทางการศึกษา เช่น การให้มีระบบและเข้าถึงเทคโนโลยีอย่างมีประสิทธิภาพ สนับสนุนขับเคลื่อนระบบการศึกษาที่ยืดหยุ่น โดยแต่ละกลไกต้องปรับให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย ทั้งกลุ่มผู้เรียนทั่วไปในระบบปกติ กลุ่มผู้เรียนนอกระบบการศึกษา และกลุ่มผู้เรียนที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษ เพื่อนำการศึกษาเท่าเทียมไปสู่การปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสบความสำเร็จ

จากนั้นเป็นการอภิปราย เรื่อง แนวทางการขับเคลื่อนการศึกษาเพื่อสร้างความเท่าเทียมทางการศึกษาของประเทศ มีหลายแนวคิดที่น่าสนใจ เช่น หัวใจสำคัญของการศึกษาเท่าเทียมคือความยืดหยุ่นในการศึกษาที่ทำให้เด็กได้เรียนในแบบที่ตนเองต้องการและตอบโจทย์ไปตามบริบทของแต่ละคน การพัฒนาระบบธนาคารหน่วยกิตเพื่อเป็นตัวกลางในการเก็บสะสมและแลกเปลี่ยนหน่วยกิต มีแพลตฟอร์มทางการศึกษาช่วยจัดการเรียนการสอนและการเรียนรู้ ระบบฐานข้อมูลติดตามผู้เรียน และสร้างแรงจูงใจให้เอกชนเข้ามาเป็นหน่วยหนึ่งในการจัดการศึกษา 

ปิดท้ายด้วยการอภิปรายกลุ่มย่อยการขับเคลื่อนการศึกษาเพื่อสร้างความเท่าเทียมทางการศึกษาของประเทศ ที่ประชุมได้แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่ม 1 แนวทางการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการจัดการศึกษา กลุ่ม 2 แนวทางการสร้างระบบการเรียนรู้ที่ยืดหยุ่นต่อเนื่องตลอดชีวิต และกลุ่ม 3 แนวทางการสนับสนุนทรัพยากรทางการศึกษา โดยระดมความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้อง สกศ. จะนำมาร่วมกำหนดและเชื่อมโยงแนวทางขับเคลื่อนกฎหมายเพื่อยกระดับการศึกษาเท่าเทียมสู่การปฏิบัติให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป