ประกาศสํานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการสรรหา และการเลือกกรรมการสภาการศึกษา
ประกาศสํานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา
เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการสรรหา และการเลือกกรรมการสภาการศึกษา
ด้วยกรรมการที่เป็นผู้แทนองค์กรเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรวิชาชีพ องค์กรศาสนา และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสภาการศึกษาชุดปัจจุบัน ครบวาระการดํารงตําแหน่ง ๔ ปี เมื่อวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๖๔ เพื่อให้การสรรหาและเลือกกรรมการสภาการศึกษาเป็นไปด้วยความเรียบร้อย อาศัยอํานาจ ตามข้อ ๕ แห่งกฎกระทรวงกําหนดจํานวนกรรมการ คุณสมบัติ หลักเกณฑ์และวิธีการสรรหา การเลือกกรรมการ วาระการดํารงตําแหน่งและการพ้นจากตําแหน่งของกรรมการในคณะกรรมการสภาการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๖ เลขาธิการสภาการศึกษาจึงออกประกาศ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ในประกาศนี้
กฎกระทรวง หมายถึง กฎกระทรวงกําหนดจํานวนกรรมการ คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ และวิธีการสรรหา การเลือกกรรมการ วาระการดํารงตําแหน่งและการพ้นจากตําแหน่งของกรรมการในคณะกรรมการสภาการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๖ และกฎกระทรวงกําหนดจํานวนกรรมการ คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ และวิธีการสรรหา การเลือก กรรมการ วาระการดํารงตําแหน่งและการพ้นจากตําแหน่งของกรรมการในคณะกรรมการสภาการศึกษา (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๐
องค์กรเอกชน หมายถึง สมาคม มูลนิธิ หรือองค์กรที่เรียกชื่ออย่างอื่นซึ่งจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล และ มีวัตถุประสงค์เพื่อปฏิบัติกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ทางการศึกษา โดยดําเนินงานอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลา ไม่น้อยกว่าสองปี
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หมายถึง องค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล องค์การบริหารส่วนตําบล กรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยา ที่จัดการศึกษาโดยมีโรงเรียนในสังกัด
องค์กรวิชาชีพ หมายถึง องค์กรวิชาชีพที่ได้รับการจัดตั้งตามพระราชบัญญัติจัดตั้ง
คณะกรรมการสรรหาผู้ทรงคุณวุฒิ หมายถึง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เลขาธิการคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพื้นฐาน เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และเลขาธิการสภาการศึกษา
ข้อ ๒ หลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาและการเลือกกรรมการที่เป็นผู้แทนคณะสงฆ์ ผู้แทนคณะกรรมการ กลางอิสลามแห่งประเทศไทย ผู้แทนองค์กรศาสนาอื่น (องค์กรศาสนาคริสต์ องค์กรศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู และ องค์กรศาสนาซิกข์) ให้เป็นไปตามที่กําหนดในกฎกระทรวง
ข้อ ๓ ในกรณีมีปัญหาเกี่ยวกับการเสนอชื่อ การเลือก ผู้แทนองค์กรเอกชน ผู้แทนองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น ผู้แทนองค์กรวิชาชีพ หรือการสมัครเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ให้คณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับ การสรรหาและเลือกกรรมการสภาการศึกษาที่เลขาธิการสภาการศึกษาแต่งตั้งเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาด และคําวินิจฉัย ชี้ขาดของคณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับการสรรหาและเลือกกรรมการสภาการศึกษานั้น ถือเป็นที่สุด
ข้อ ๔ ผู้สมัครและผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อที่เป็นผู้แทนขององค์กรเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรวิชาชีพ ผู้แทนคณะสงฆ์ ผู้แทนคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ผู้แทนองค์กรศาสนาคริสต์ ผู้แทน องค์กรศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู ผู้แทนองค์กรศาสนาซิกข์ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจะต้องไม่เคยดํารงตําแหน่ง กรรมการสภาการศึกษาติดต่อกันเกินสองวาระ
ข้อ ๕ เมื่อมีการประกาศผลการเลือกผู้แทนองค์เอกชน ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และผู้แทนองค์กรวิชาชีพแล้ว จะอุทธรณ์หรือขอให้ทบทวนใหม่มิได้
การสรรหาและเลือกกรรมการที่เป็นผู้แทนองค์กรเอกชน ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และผู้แทนองค์กรวิชาชีพ
ข้อ ๖ องค์กรเอกชนที่มีความประสงค์จะเสนอบุคคลเข้ารับเลือกเป็นกรรมการสภาการศึกษา ให้เสนอชื่อ ได้องค์กรละหนึ่งคน โดยมติที่ประชุมขององค์กรเอกชนนั้น ทั้งนี้ ผู้ลงนามในใบเสนอชื่อจะต้องมีฐานะเป็น นายกสมาคม ประธานมูลนิธิ หรือผู้แทนนิติบุคคลขององค์กรนั้น โดยใบเสนอชื่อให้ใช้แบบ สกศ. ๑ ท้ายประกาศนี้
สภาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความประสงค์จะเสนอบุคคลเข้ารับเลือกเป็นกรรมการ สภาการศึกษา ให้เสนอชื่อได้องค์กรละหนึ่งคน โดยมติที่ประชุมสภาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น ทั้งนี้ ผู้ลงนามในใบเสนอชื่อต้องมีฐานะเป็นประธานสภาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากประธาน ขององค์กร โดยใบเสนอชื่อให้ใช้แบบ สกศ. ๒ ท้ายประกาศนี้
องค์กรวิชาชีพที่มีความประสงค์จะเสนอบุคคลเข้ารับเลือกเป็นกรรมการสภาการศึกษาให้เสนอชื่อได้ องค์กรละหนึ่งคน โดยมติที่ประชุมขององค์กรวิชาชีพนั้น ทั้งนี้ ผู้ลงนามในใบเสนอชื่อจะต้องมีฐานะเป็นประธาน ขององค์กรวิชาชีพ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากประธานขององค์กร โดยใบเสนอชื่อให้ใช้แบบ สกศ. ๓ ท้ายประกาศนี้
ข้อ ๗ ผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้แทนองค์กรเอกชน ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้แทนองค์กรวิชาชีพ และผู้ทรงคุณวุฒิ ต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
(๑) มีสัญชาติไทย
(๒) มีอายุไม่ต่ํากว่าสามสิบห้าปีบริบูรณ์
(๓) ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย
(๔) ไม่เป็นคนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
(๕) ไม่เคยมีประวัติเสื่อมเสียทางจริยธรรม จรรยาบรรณ และการประกอบวิชาชีพ
(๖) ไม่เคยได้รับโทษจําคุกโดยคําพิพากษาถึงที่สุดให้จําคุก เว้นแต่เป็นโทษสําหรับความผิด ที่ได้กระทําโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ
(๗) เป็นที่ยอมรับในเรื่องความซื่อสัตย์และความยุติธรรม
ข้อ ๘ ใบเสนอชื่อตาม แบบ สกศ. ๑ แบบ สกศ. ๒ และ แบบ สกศ. ๓ ให้ดาวน์โหลดได้ทางเว็บไซต์ www.onec.go.th และ www.moe.go.th หรือสแกนได้จาก QR Code แนบท้ายประกาศนี้
ข้อ ๙ การส่งใบเสนอชื่อ ให้ส่งตั้งแต่วันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ ถึงวันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๖๔ โดยกระทํา ได้สามวิธี ดังนี้
(๑) ส่งใบเสนอชื่อโดยตรงที่ห้องศิษย์เก่า ชั้น ๑ อาคาร ๑ สํานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา ถนนสุโขทัย แขวงดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ๑๐๓๐๐ ในวันและเวลาราชการ
(๒) ส่งทางไปรษณีย์ไทยแบบด่วนพิเศษ (EMS) ไปยังสํานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา เลขที่ ๙๙/๒๐ ถนนสุโขทัย แขวงดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ๑๐๓๐๐ โดยถือวันที่ไปรษณีย์ต้นทางประทับตรา ภายในวันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๖๔ หากเกินกําหนด ใบเสนอชื่อนั้นจะไม่ได้รับการพิจารณา
(๓) ส่งทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ถึงสารบรรณกลาง สํานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา [email protected] ภายในวันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๖๔ เวลา ๒๓.๕๙ น. หากเกินกําหนดใบเสนอชื่อนั้นจะไม่ได้รับ
การพิจารณา
ข้อ ๑๐ การเสนอชื่อผู้แทนองค์กรเอกชน ให้ส่งใบเสนอชื่อตาม แบบ สกศ. ๑ พร้อมเอกสาร ดังนี้
(๑) สําเนาบัตรประจําตัวประชาชน หรือบัตรประจําตัวข้าราชการ หรือหลักฐานอื่นใดของทางราชการ ที่มีรูปถ่ายสามารถแสดงตนได้
(๒) สําเนาทะเบียนบ้าน
(๓) สําเนาเอกสารการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลที่แสดงวัตถุประสงค์ขององค์กร
(๔) สําเนารายชื่อคณะกรรมการบริหารองค์กรชุดปัจจุบัน
(๕) เอกสารรายงานการประชุมที่เสนอชื่อผู้แทนองค์กรเอกชนที่ได้มีการรับรองแล้ว
โดยเอกสาร (๑) และ (๒) ผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้รับรองความถูกต้องของเอกสารทุกแผ่น และเอกสาร (๓) และ (๔) ต้องได้รับการรับรองความถูกต้องจากเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ทําหน้าที่นายทะเบียนแห่งท้องที่ ที่สํานักงานใหญ่ขององค์กรเอกชนนั้นตั้งอยู่ ไม่ก่อนวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ ทั้งนี้ องค์กรเอกชนใดเสนอชื่อ ผู้แทนเข้ารับเลือกเป็นกรรมการสภาการศึกษาแต่ไม่ได้แสดงหลักฐานดังกล่าว ผู้ได้รับการเสนอชื่อจากองค์กรนั้นจะ ไม่ได้รับการประกาศชื่อว่าเป็นผู้มีคุณสมบัติครบถ้วน
ข้อ ๑๑ การเสนอชื่อผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้ส่งใบเสนอชื่อตาม แบบ สกศ. ๒ พร้อมเอกสาร ดังนี้
(๑) สําเนาบัตรประจําตัวประชาชน หรือบัตรประจําตัวข้าราชการ หรือหลักฐานอื่นใดของทางราชการ ที่มีรูปถ่ายสามารถแสดงตนได้
(๒) สําเนาทะเบียนบ้าน
(๓) สําเนารายชื่อสภาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นชุดปัจจุบัน
(๔) เอกสารรายงานการประชุมที่เสนอชื่อผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ได้มีการรับรองแล้ว
โดยเอกสาร (๑) และ (๒) ผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้รับรองความถูกต้องของเอกสารทุกแผ่น และ เอกสาร (๓) ต้องได้รับการรับรองความถูกต้องจากประธานสภาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือผู้ที่ได้รับ มอบหมาย ไม่ก่อนวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ ทั้งนี้ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใดเสนอชื่อผู้แทนเข้ารับเลือกเป็น กรรมการสภาการศึกษาแต่ไม่ได้แสดงหลักฐานดังกล่าว ผู้ได้รับการเสนอชื่อจากองค์กรนั้นจะไม่ได้รับการประกาศชื่อ ว่าเป็นผู้มีคุณสมบัติครบถ้วน
ข้อ ๑๒ การเสนอชื่อผู้แทนองค์กรวิชาชีพ ให้ส่งใบเสนอชื่อตาม แบบ สกศ. ๓ พร้อมเอกสาร ดังนี้
(๑) สําเนาบัตรประจําตัวประชาชน หรือบัตรประจําตัวข้าราชการ หรือหลักฐานอื่นใดของทางราชการ ที่มีรูปถ่ายสามารถแสดงตนได้
(๒) สําเนาทะเบียนบ้าน
(๓) สําเนาพระราชบัญญัติจัดตั้งองค์กรวิชาชีพ
(๔) สําเนารายชื่อคณะกรรมการบริหารองค์กรวิชาชีพชุดปัจจุบัน
(๕) เอกสารรายงานการประชุมที่เสนอชื่อผู้แทนองค์กรวิชาชีพที่ได้มีการรับรองแล้ว
โดยเอกสาร (๑) และ (๒) ผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้รับรองความถูกต้องของเอกสารทุกแผ่น และ เอกสาร (๓) และ (๔) ต้องได้รับการรับรองความถูกต้องจากประธานหรือนายกหรือเจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ขององค์กรวิชาชีพนั้น ไม่ก่อนวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ ทั้งนี้ องค์กรวิชาชีพใดเสนอชื่อผู้แทนเข้ารับเลือก เป็นกรรมการสภาการศึกษาแต่ไม่ได้แสดงหลักฐานดังกล่าว ผู้ได้รับการเสนอชื่อจากองค์กรนั้นจะไม่ได้รับการ
ประกาศชื่อว่าเป็นผู้มีคุณสมบัติครบถ้วน
ข้อ ๑๓ สํานักงานเลขาธิการสภาการศึกษาจะประกาศบัญชีรายชื่อผู้ได้รับการเสนอชื่อที่มีคุณสมบัติ ครบถ้วนตามข้อ ๗ และไม่เป็นผู้ต้องห้ามตามข้อ ๔ ภายในวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๔ ณ สํานักอํานวยการ สํานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา www.onec.go.th และ www.moe.go.th
ข้อ ๑๔ ให้ผู้ได้รับการเสนอชื่อที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามข้อ ๑๓ เลือกกันเองให้เหลือจํานวน ๑ คน โดยผู้ได้รับการเสนอชื่อจะต้องเป็นผู้มาเลือกด้วยตนเอง สําหรับวัน เวลาและสถานที่ในการเลือกกันเอง สํานักงานเลขาธิการสภาการศึกษาจะประกาศให้ทราบภายหลัง
ข้อ ๑๕ การเลือกตามข้อ ๑๔ ให้ดําเนินการดังต่อไปนี้
(๑) การเลือกให้ใช้วิธีลงคะแนน โดยผู้แทนองค์กรที่ได้รับการเสนอชื่อจะลงคะแนนเลือกผู้แทน องค์กรได้ไม่เกิน ๒ คน โดยเลือกจากบัญชีรายชื่อผู้ได้รับการเสนอชื่อที่มีคุณสมบัติครบถ้วน โดยทําเครื่องหมายกากบาท ลงในบัตรลงคะแนน
(๒) ผู้ได้รับการเสนอชื่อซึ่งประสงค์จะลงคะแนนต้องแสดงบัตรประจําตัวประชาชนหรือบัตร ประจําตัวข้าราชการ หรือหลักฐานอื่นใดของทางราชการที่มีรูปถ่ายสามารถแสดงตนได้
(๓) เมื่อปิดการลงคะแนนให้เริ่มนับคะแนนทันที
(๔) การนับคะแนนให้กระทําโดยเปิดเผย
(๕) บัตรเลือกตั้งดังต่อไปนี้ถือว่าเป็นบัตรเสีย และห้ามมิให้นับเป็นคะแนน
ก) บัตรที่ไม่อาจทราบได้ว่าลงคะแนนให้ผู้ใด
ข) บัตรที่ลงคะแนนเกินสองหมายเลข
(๖) ผู้ที่ได้รับคะแนนสูงสุดลําดับที่หนึ่งถือว่าเป็นผู้ได้รับเลือก
ในกรณีมีผู้ได้รับคะแนนสูงสุดเท่ากันมากกว่าหนึ่งคนขึ้นไป ให้ผู้ได้รับการเสนอชื่อลงคะแนน อีกครั้ง โดยลงคะแนนให้เฉพาะผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดเท่ากัน เพื่อให้มีผู้ได้รับคะแนนสูงสุดเพียงหนึ่งคน
หากลงคะแนนครั้งที่สองแล้วแต่ยังมีผู้ได้รับคะแนนสูงสุดเท่ากันมากกว่าหนึ่งคน ให้ประธาน คณะอนุกรรมการดําเนินการสรรหาจับสลากให้เหลือหนึ่งคน และถือว่าผู้ที่ได้รับการจับสลากเป็นผู้ได้รับเลือก
ในกรณีที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) มีความรุนแรง มากขึ้น หรือมีเหตุการณ์ไม่ปกติที่ทําให้ไม่สามารถดําเนินการเลือกกันเอง ณ สถานที่ที่จัดไว้ได้ สํานักงานเลขาธิการ สภาการศึกษาจะใช้วิธีการเลือกกันเองที่เหมาะสม และจะประกาศให้ทราบภายหลัง
ข้อ ๑๖ ในกรณีมีผู้ได้รับการเสนอชื่อไม่เกินหนึ่งคนและผู้ได้รับการเสนอชื่อดังกล่าวมีคุณสมบัติครบถ้วน ตามที่กําหนดในกฎกระทรวง ให้ถือว่าผู้ได้รับการเสนอชื่อนั้นเป็นผู้ได้รับเลือกโดยไม่ต้องมีการดําเนินการ เลือกกันเองตามข้อ ๑๔
การสรรหาและเลือกกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
ข้อ ๑๗ การสรรหาผู้ทรงคุณวุฒิให้สรรหาจากผู้สมัคร และผู้ได้รับการเสนอชื่อจากคณะกรรมการสรรหา ผู้ทรงคุณวุฒิเท่านั้น
ข้อ ๑๘ ผู้สมัครต้องมีคุณสมบัติตามข้อ ๗ และไม่เป็นผู้ต้องห้ามตามข้อ ๔ โดยมีความรู้ความสามารถ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์สูงในด้านใดด้านหนึ่งหรือหลายด้านรวมกันตามที่กําหนดไว้ในกฎกระทรวง
ในการสมัคร สําหรับผู้สมัครด้วยตนเอง ให้ใช้ใบสมัครตาม แบบ สกศ. ๔.๑ (สําหรับผู้สมัคร ด้วยตนเอง) และต้องรับรองตนเองว่าเป็นผู้มีคุณสมบัติครบถ้วน พร้อมทั้งระบุความรู้ความสามารถ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ไม่เกินสองด้าน การเสนอชื่อจากคณะกรรมการสรรหาผู้ทรงคุณวุฒิ ให้ใช้ใบเสนอชื่อตาม แบบ สกศ. ๔.๒ (สําหรับคณะกรรมการสรรหาเสนอชื่อ)
ข้อ ๑๙ ใบสมัคร/ใบเสนอชื่อตาม แบบ สกศ. ๔.๑ (สําหรับผู้สมัครด้วยตนเอง) และ แบบ สกศ. ๔.๒ (สําหรับคณะกรรมการสรรหาเสนอชื่อ) สามารถติดต่อขอรับใบสมัครได้ที่ห้องศิษย์เก่า ชั้น ๑ อาคาร ๑ สํานักงาน เลขาธิการสภาการศึกษา ถนนสุโขทัย แขวงดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร หรือดาวน์โหลดได้จากเว็บไซต์ www.onec.go.th และ www.moe.go.th หรือสแกนได้จาก QR Code แนบท้ายประกาศนี้
ข้อ ๒๐ การสมัครผู้ทรงคุณวุฒิให้ส่งใบสมัครตั้งแต่วันที่ ๑ - ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ โดยกระทําได้สามวิธี ดังนี้
(๑) ยื่นใบสมัครโดยตรงที่ห้องศิษย์เก่า ชั้น ๑ อาคาร ๑ สํานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา ถนนสุโขทัย แขวงดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ๑๐๓๐๐ ในวันและเวลาราชการ
(๒) ส่งทางไปรษณีย์ไทยแบบด่วนพิเศษ (EMS) ไปยังสํานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา เลขที่ ๙๙/๒๐ ถนนสุโขทัย แขวงดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ๑๐๓๐๐ โดยถือวันที่ไปรษณีย์ต้นทางประทับตราภายในวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ หากเกินกําหนด ใบเสนอชื่อนั้นจะไม่ได้รับการพิจารณา
(๓) ส่งทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ถึงสารบรรณกลาง สํานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา [email protected] ภายในวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ เวลา ๒๓.๕๙ น. หากเกินกําหนดใบสมัคร/ใบเสนอชื่อนั้น จะไม่ได้รับการพิจารณา
ข้อ ๒๑ การสมัครผู้ทรงคุณวุฒิ ให้ส่งใบสมัครพร้อมเอกสาร ดังนี้
(๑) สําเนาบัตรประจําตัวประชาชน หรือบัตรประจําตัวข้าราชการ หรือหลักฐานอื่นใดของทางราชการ ที่มีรูปถ่ายสามารถแสดงตนได้
(๒) สําเนาทะเบียนบ้าน
โดยเอกสาร (๑) และ (๒) ผู้สมัครเป็นผู้รับรองความถูกต้องของเอกสารทุกแผ่น ทั้งนี้ หากผู้สมัคร ท่านใดไม่ได้แสดงหลักฐานดังกล่าว ผู้สมัครผู้นั้นจะไม่ได้รับการประกาศชื่อว่าเป็นผู้มีคุณสมบัติครบถ้วน
ข้อ ๒๒ ให้คณะกรรมการสรรหาผู้ทรงคุณวุฒิเสนอรายชื่อผู้ที่เห็นสมควรเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ตามแบบ สกศ. ๔.๒ (สําหรับกรรมการสรรหาเสนอชื่อ) ท้ายประกาศนี้ พร้อมเอกสารหลักฐาน ตามข้อ ๒๑ ไปยัง สํานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา ภายในวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ ในเวลาราชการ
ผู้ได้รับการเสนอชื่อต้องมีคุณสมบัติตามข้อ ๗ และไม่เป็นผู้ต้องห้ามตามข้อ ๔ โดยมีความรู้ ความสามารถ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์สูงด้านใดด้านหนึ่งหรือหลายด้านรวมกันตามที่กําหนดไว้ ในกฎกระทรวง
ข้อ ๒๓ สํานักงานเลขาธิการสภาการศึกษาจะประกาศรายชื่อผู้สมัครเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ที่สมัครด้วยตนเองซึ่งมีคุณสมบัติครบถ้วน ภายในวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๖๔ ณ สํานักอํานวยการ สํานักงาน เลขาธิการสภาการศึกษา www.onec.go.th และ www.moe.go.th
ข้อ ๒๔ ให้คณะกรรมการสรรหาผู้ทรงคุณวุฒิ สรรหาผู้มีความรู้ ความสามารถ ความเชี่ยวชาญ และ ประสบการณ์สูงด้านต่าง ๆ จากผู้สมัครตามข้อ ๒๓ และผู้ได้รับการเสนอชื่อจากคณะกรรมการสรรหาผู้ทรงคุณวุฒิ จํานวนสี่สิบสองคน เพื่อนําเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการพิจารณาเลือกให้เหลือยี่สิบเอ็ดคน
ข้อ ๒๕ การสรรหาตามข้อ ๒๔ ให้เป็นไปตามมติเสียงข้างมากของคณะกรรมการสรรหาผู้ทรงคุณวุฒิ
ประกาศ ณ วันที่ ๑๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๔
** อาจมีข้อความคลาดเคลื่อนจากการพิมพ์ ให้ยึดถือเอกสารแนบเป็นหลัก
ดาวน์โหลดเอกสารแนบ
- ประกาศสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการสรรหา และการเลือกกรรมการสภาการศึกษา
- แบบ สกศ. ๑ (ใบเสนอชื่อผู้แทนองค์กรเอกชน)
- แบบ สกศ. ๒ (ใบเสนอชื่อผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น)
- แบบ สกศ. ๓ (ใบเสนอชื่อผู้แทนองค์กรวิชาชีพ)
- แบบ สกศ. ๔.๑ (ใบสมัครผู้ทรงคุณวุฒิ สำหรับผู้สมัครด้วยตนเอง)
- แบบ สกศ. ๔.๒ (ใบเสนอชื่อผู้ทรงคุณวุฒิ สำหรับกรรมการสรรหาเสนอชื่อ)
ดาวน์โหลดเอกสารเพิ่มเติมได้ที่
link: bit.ly/3FHJCgR
ช่องทางการติดต่อสื่อสาร
1. สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา
สำนักอำนวยการ กลุ่มเลขานุการคณะกรรมการสภาการศึกษา ชั้น 3 อาคาร 1
เลขที่ 99/20 ถนนสุโขทัย แขวงดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร 10300
2. โทรศัพท์ 0-2668-7123 ต่อ 1311, 1323, 1343, 1350
3. Website: www.onec.go.th