กอปศ. นัด ๒๓ รายงานความก้าวหน้าคณะอนุกรรมการการจัดการเรียนการสอน
(วันนี้ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๐) ศาสตราจารย์กิตติคุณ นายแพทย์จรัส สุวรรณเวลา เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา (กอปศ.) ครั้งที่ ๒๓ ร่วมกับสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา โดยมี มี ดร.ชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการสภาการศึกษา ดร.ชัยยศ อิ่มสุวรรณ์ และ ดร.สมศักดิ์ ดลประสิทธิ์ รองเลขาธิการสภาการศึกษา นายเฉลิมชนม์ แน่นหนา ที่ปรึกษาด้านระบบการศึกษา รวมทั้งผู้ทรงคุณวุฒิเข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมสิปปนนท์ เกตุทัต สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา
สำหรับการประชุมครั้งนี้มีการรายงานความก้าวหน้าในการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการการจัดการเรียนการสอน รายงานผลการรับฟังความคิดเห็น (ร่าง) พระราชบัญญัติกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ที่จังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดสุราษฎร์ธานี และพิจารณากรอบร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ
ศาสตร์ตราจารย์กิตติคุณจรัส สุวรรณเวลา ประธานคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา กล่าวโดยสรุปว่า การประชุมครั้งนี้มีสาระสำคัญ ๔ ประเด็น ได้แก่ ๑) การปรับให้คุณภาพดีขึ้น โดยอาศัยวิวัฒนาการของดิจิตอล มีข้อเสนอให้ตั้งกรรมการที่จะขับเคลื่อนการศึกษาให้ไปสู่ระบบดิจิตอล ๒) หลักสูตร ต้องมีการเปลี่ยนแปลงจากหลักสูตรเนื้อหาสาระ ไปสู่หลักสูตรสมรรถนะ ซึ่งรวมถึงการอ่านออกเขียนได้ การมีความรู้ทางด้านคณิตศาสตร์ ทักษะทางดิจิตอล คอมพิวเตอร์ ฯลฯ ๓) การสอบวัดผลต้องวัดสมรรถนะ ๔) เด็กที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ
ผศ.ยุวดี นาคะผดุงรัตน์ ประธานคณะอนุกรรมการการจัดการเรียนการสอน กล่าวโดยสรุปว่า ภาพรวมการปฏิรูปประเทศด้านการจัดการเรียนการสอนได้ทำตามข้อกำหนดของรัฐธรรมนูญในมาตราต่างๆ และได้รายงานถึงสภาพที่เกิดขึ้นในเรื่องของการจัดการเรียนการสอนหรือห้องเรียนของไทยในปัจจุบัน ซึ่งมีเนื้อหาวิชามาก แต่ยังเชื่อมโยงกับการนำไปใช้ในชีวิตน้อย ครูยังมีความแตกต่างในเรื่องความเชี่ยวชาญและวิธีสอน การเรียนมุ่งเน้นเพื่อการสอบ จึงได้จัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายซึ่งนอกจากจะให้ความสำคัญกับเรื่องการเรียนของสอนของเด็กทั่วไปแล้วยังให้ความสำคัญกับการเรียนการสอนของเด็กที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษ เด็กพิการ และเด็กด้อยโอกาสอีกด้วย ทั้งนี้ที่ประชุมได้ให้ข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะเพิ่มเติมเพื่อเป็นประโยชน์แก่การปฏิรูปการจัดการเรียนการสอนต่อไป
ในส่วนของกองทุนได้นำข้อคิดเห็นของประชาชนจากการลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็นในภาคต่างๆ มาปรับปรุง ร่างพรบ.กองทุนฯ ให้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น