เมื่อวันที่ (๒๓ มกราคม ๒๕๖๐)  พลเอกประจิน จั่นตอง เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “การจัดทำข้อเสนอการจัดตั้งองค์กรกลางเพื่อขับเคลื่อนกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ”โดยมี รศ. นพ. โศภณ  นภาธร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวรายงาน ณ ห้องประชุมกำแหง พลางกูร ชั้น ๓ อาคาร ๕๖ ปี สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา

          พลเอกประจิน จั่นตอง กล่าวโดยสรุปว่า ปัจจุบัน รัฐบาลให้ความสำคัญกับการปฏิรูปการศึกษา ซึ่งการศึกษาจะประสบความสำเร็จปัจจัยหนึ่ง คือ เมื่อจบการศึกษาแล้วคนมีงานทำ จึงต้องมีการสำรวจว่า ความต้องการที่แท้จริงของตลาดแรงงานในปัจจุบันและอนาคตมีสิ่งใดบ้าง นอกจากนี้ในด้านกระบวนการเรียนการสอน เมื่อจบการศึกษาแล้วสามารถทำงานได้หรือไม่  บางหลักสูตรความรู้เป็นเชิงวิชาการ จบการศึกษาตามหลักสูตรแล้วมีความรู้ปกติ  แต่ถ้าหากหลักสูตรมีการฝึกปฏิบัติ จบการศึกษาแล้วสามารถทำงานได้ทันทีก็จะได้รับการรับรองจากผู้ประกอบการให้เข้าทำงานได้และมีรายได้สูงขึ้น  แต่การจะรับรองคุณวุฒิต้องพิจารณา ว่าจะมีมาตรฐานอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นมาตรฐานของประเทศไทย มาตรฐานของอาเซียนหรือมาตรฐานสากล  ซึ่งขณะนี้ส่วนหนึ่งมีสภาวิชาชีพที่ดูแลอยู่แล้ว แต่ส่วนที่ยังไม่ผู้ดูแลจะจัดอย่างไร โดยเฉพาะคุณวุฒิวิชาชีพที่ต้องผลักดันเพื่อรองรับไทยแลนด์ ๔.๐  การประชุมในวันนี้จึงจัดเพื่อหารือว่าจะก้าวไปสู่จุดนั้นได้อย่างไรและ การจะก้าวไปควรมีใครมาช่วยบ้าง

          นางวัฒนาพร ระงับทุกข์ รองเลขาธิการสภาการศึกษา นำเสนอ “ภารกิจในการขับเคลื่อนกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ” โดยได้นำเสนอ (ร่าง) ภารกิจ/ อำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับกรอบคุณวุฒิ  ซึ่งมีดังต่อไปนี้ ๑. พัฒนานโยบาย และแผนการดำเนินงานเพื่อผลักดันให้มีการเชื่อมโยงระหว่างคุณวุฒิการศึกษากับมาตรฐานอาชีพ ๒. จัดทำเกณฑ์ มาตรฐาน และให้การรับรองหลักสูตรที่สอดคล้องกับกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ ๓. พัฒนาระบบการประกันคุณภาพหลักสูตรและการจัดการเรียนการสอนตามกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ ๔. พัฒนาระบบการเทียบเคียงและสร้างความก้าวหน้าในการเชื่อมโยงระบบคุณวุฒิต่าง ๆ ตามกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ ๕. จัดระบบและพัฒนาฐานข้อมูลระบบคุณวุฒิที่สอดคล้องกับกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ และ ๖. ติดตาม ประเมินผล ด้วยเหตุนี้ จึงจำเป็นต้องมีหน่วยงาน/องค์กรกลาง ทำหน้าที่เป็นหน่วยงานกลางบริหารและจัดการให้มีการเชื่อมโยงระหว่างคุณวุฒิการศึกษากับมาตรฐานอาชีพอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง รวมทั้งประสานการดำเนินงานในระดับชาติและสร้างเครือข่ายในระดับนานาชาติ เพื่อสร้างระบบคุณวุฒิของประเทศให้เป็นเอกภาพ

          นางศิริพรรณ ชุมนุม นำเสนอ “การบริหารจัดการกรอบคุณวุฒิแห่งชาติของต่างประเทศ” จำนวน ๕ ประเทศ คือ  ออสเตรเลีย ฮังการี  ฟิลิปปินส์  มาเลเซียและเกาหลีใต้  โดยหลักการของกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ คือ
ปรับปรุงคุณภาพการศึกษาโดยเชื่อมโยงคุณวุฒิการศึกษากับระดับความสามารถในการปฏิบัติงาน  ส่งเสริมการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง สร้างความเป็นเอกภาพของระบบคุณวุฒิประเทศไทย รวมทั้งเป็นกลไกเชื่อมโยงกับ อาเซียนและระดับสากล  สำหรับการขับเคลื่อนกรอบคุณวุฒิแห่งชาติของแต่ละประเทศนั้น สามารถสรุปได้ดังนี้ ออสเตรเลียและมาเลเซียจะมีการจัดตั้งหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง แต่ฮังการี  ฟิลิปปินส์และเกาหลีใต้จะมีการตั้งเป็นคณะกรรมการที่ประสานเชื่อมโยงหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องนอกจากนี้ทั้ง ๕ ประเทศจะให้ความสำคัญกับมาตรฐานอาชีพจากภาคอุตสาหกรรม  มีระบบเทียบโอน  เทียบเคียงและเส้นทางความก้าวหน้า  การเรียนรู้ ให้ความสำคัญกับการประกันคุณภาพ และให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงกับระบบสากล

          ดร. กมล รอดคล้าย เลขาธิการสภาการศึกษากล่าวสรุปการประชุมว่า  ที่ประชุมเห็นชอบร่วมกันว่า ๑. คณะกรรมการกรอบคุณวุฒิแห่งชาติในปัจจุบันมีความเหมาะสมแล้ว เนื่องจากองค์ประกอบของคณะกรรมการกรอบคุณวุฒิมาจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทำให้สามารถขับเคลื่อนการดำเนินงานได้ ๒. หน่วยงานกลางที่จะมาทำหน้าที่ฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ ควรมาจากทั้ง ๓ หน่วยงาน คือ สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา  กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน และสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) เข้ามาร่วมเป็นเลขา แต่จะทำอย่างไรให้ฝ่ายเลขามีสำนักงานฯ ที่เป็นทางการเกิดขึ้น มีผู้อำนวยการสำนักงานฯ ซึ่งผู้อำนวยการสำนักงานฯ อาจมาจากสามองค์กรนี้หรือคัดสรรใหม่ก็ได้   สำหรับกระบวนการคัดสรรอาจต้องมีระเบียบที่มารองรับในการเลือกคนที่มีความพร้อม มีคุณภาพสูง มีค่าตอบแทนที่อาจไม่ใช่แบบข้าราชการซึ่งเรื่องนี้เป็นการสร้างกลไกข้างล่างให้สมบูรณ์เพื่อสามารถรองรับงานที่จะเกิดขึ้นในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการรวบรวมข้อมูลการรับรองมาตรฐานการพัฒนาวิชาชีพ การเชื่อมโยงกรอบคุณวุฒิกับต่างประเทศ ฯลฯ ฝ่ายเลขานุการฯ จึงขอยกร่างเพื่อนำเสนอให้พลเอกประจิน จั่นตอง ประธานคณะกรรมการกรอบคุณวุฒิแห่งชาติพิจารณาอีกครั้ง