สรุปประเด็นการสนทนารายการรอบรั้วเสมา ช่วงผู้บริหารสนทนา ประเด็น บทบาทการศึกษาเอกชนนอกระบบกับการพัฒนาประเทศไทย ๔.๐
สรุปประเด็นการสนทนารายการรอบรั้วเสมา ช่วงผู้บริหารสนทนา สถานีวิทยุศึกษา FM 92 MHz และ AM 1161 KHz ประเด็นเรื่อง บทบาทการศึกษาเอกชนนอกระบบกับการพัฒนาประเทศไทย ๔.๐ วันศุกร์ที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๖๐ เวลา ๐๘.๓๐ – ๐๘.๔๕ น. โดย นายเฉลิมชนม์ แน่นหนา ผู้อำนวยการสำนักพัฒนากฎหมายการศึกษา รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านระบบการศึกษา สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา
ผู้ดำเนินรายการ: | รายการรอบรั้วเสมา ช่วงผู้บริหารสนทนา ในวันนี้ ได้รับเกียรติจากนายเฉลิมชนม์ แน่นหนา ผู้อำนวยการสำนักพัฒนากฎหมายการศึกษา รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านระบบการศึกษา สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา ร่วมสนทนาประเด็น “บทบาทการศึกษาเอกชนนอกระบบกับการพัฒนาประเทศไทย ๔.๐” ก่อนอื่นขอเรียนถามถึงการประชุมสภาการศึกษาเสวนา OEC Forum มีหัวข้อในการประชุมเรื่องอะไร มีความเป็นมาอย่างไร | ||
ผอ. สกม.: | สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา ดำเนินการจัดสภาการศึกษาเสวนา OEC Forum อย่างต่อเนื่องเดือนละ ๑ ครั้ง โดยนำประเด็นที่สำคัญเพื่อนำไปสู่การพัฒนาหรือแก้ปัญหาการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นนโยบายด้านการศึกษา นโยบายอื่น ๆ ที่สอดคล้องกับรัฐบาล สำหรับสภาการศึกษาเสวนาในครั้งนี้ จัดขึ้นเป็นครั้งที่ ๑๘ ในเรื่อง “บทบาทการศึกษาเอกชนนอกระบบกับการพัฒนาประเทศไทย ๔.๐” ความเดิมจากนโยบายของรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา กำหนดนโยบายที่จะปรับโครงสร้างของประเทศไทย โดยตั้งเป้าหมายว่า ประเทศไทยจะต้องก้าวไปสู่ประเทศไทย ๔.๐ โดยเน้นการปรับปรุงอุตสาหกรรมหลัก ๕ อุตสาหกรรม หรือที่เรียกว่า New S - Curve ประกอบด้วย อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ (Robotics) อุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ (Aviation and Logistics) อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ (Biofuels and Biochemicals) อุตสาหกรรมดิจิทัล (Digital) และอุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร (Medical Hub) | ||
ในส่วนกระบวนการจัดการศึกษาดังกล่าว ควรทบทวนว่า สิ่งที่มีอยู่แล้วจะกลับไปสู่สิ่งที่เป็น New S – Curve ได้อย่างไร การจัดการศึกษาทั้งภาครัฐและเอกชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาทุกระดับการศึกษา | |||
แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙ ที่สำนักงานเลขธิการสภาการศึกษาจัดทำขึ้น เป็นแผนระยะยาว ๒๐ ปี วิสัยทัศน์ของแผนการศึกษาแห่งชาติกำหนดว่า คนไทยทุกคนควรได้รับการศึกษาและเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างมีคุณภาพ ดำรงชีวิตอย่างเป็นสุข สอดคล้องกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และการเปลี่ยนแปลงของโลกศตวรรษที่ ๒๑ ซึ่งในแผนการศึกษาแห่งชาติได้กำหนดยุทธศาสตร์ในเรื่องการผลิตและพัฒนากำลังคนให้มีความสอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน การนำภาคเอกชนให้เข้ามามีส่วนร่วมและมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาประเทศจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้รัฐบาลไม่ต้องใช้งบประมาณเพื่อจัดการศึกษามากเกินไป ที่กล่าวมาข้างต้นทั้งหมดนี้จึงเป็นที่มาของการจัดสภาการศึกษาเสวนาในครั้งนี้ | |||
การศึกษาเอกชนนอกระบบเป็นไปตามพระราชบัญญัติการศึกษาเอกชน พ.ศ. ๒๕๕๐ ได้กำหนดประกาศของคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนว่า ประเภทลักษณะของโรงเรียน และการจัดการเรียนหลักสูตรของโรงเรียนนอกระบบ ดังนี้ ๑) ประเภทสอนศาสนา เป็นโรงเรียนที่จัดตั้งขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เฉพาะการสอนศาสนา ๒) ประเภทศิลปะและกีฬา เป็นโรงเรียนที่จัดตั้งขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์ให้การศึกษาเกี่ยวกับดนตรี ศิลปะ และกีฬา ๓) ประเภทวิชาชีพ เป็นโรงเรียนที่จัดตั้งขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์ให้การศึกษาเกี่ยวกับวิชาชีพ เพื่อให้นักเรียนนำไปประกอบอาชีพหรือเพิ่มเติมทักษะในการประกอบอาชีพ ๔) ประเภทกวดวิชา เป็นโรงเรียนที่จัดตั้งขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เสริมความรู้บางรายวิชา ตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน ๕) ประเภทสร้างเสริมทักษะชีวิต เป็นโรงเรียนที่จัดตั้งขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เสริมสร้างความคิด เชาวน์ปัญญา และทักษะอื่น ๖) ประเภทศูนย์การศึกษาอิสลามประจำมัสยิด (ตาดีกา) เป็นศูนย์การศึกษาที่จัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ตามกฎหมายว่าด้วยศูนย์การศึกษาอิสลามประจำมัสยิด (ตาดีกา) และ ๗) ประเภทสถาบันศึกษาปอเนาะ เป็นสถาบันที่จัดตั้งขึ้นให้เป็นทางเลือกหนึ่งของชุมชน โดยมีวัตถุประสงค์ตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันศึกษาปอเนาะ” | |||
ผู้ดำเนินรายการ: | วิทยากรที่เข้าร่วมอภิปรายในสภาการศึกษาเสวนา OEC Forum ครั้งที่ ๑๘ นี้ มีใครบ้าง สาระสำคัญหรือมุมมองที่น่าสนใจเป็นอย่างไร | ||
ผอ. สกม.: | การจัดสภาการศึกษาเสวนา OEC Forum ได้รับเกียรติจาก ดร.กมล รอดคล้าย เลขาธิการสภาการศึกษาเป็นประธานเปิดการประชุม วิทยากรที่เข้าร่วมอภิปรายในครั้งนี้เกี่ยวข้องกับวงการการจัดการศึกษาเอกชนนอกระบบ คือ | ||
ดร. พะโยม ชิณวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) กล่าวถึง สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) รับผิดชอบการศึกษาเอกชน ซึ่งมี ๒ ระบบ ได้แก่ ๑) โรงเรียนในระบบ ได้แก่ ๑.๑) สามัญศึกษา และ ๑.๒) นานาชาติ และ ๒) โรงเรียนนอกระบบ นอกจากนี้ยังกล่าวถึงสถิติและจำนวนของโรงเรียนประเภทต่าง ๆ เช่น โรงเรียนนอกระบบประเภทศิลปะและกีฬา ไม่ว่าจะเป็นหลักสูตรวิชากีตาร์ เปียโน ขิม ไวโอลิน ดนตรีสำหรับผู้สูงอายุ ศิลปะ มวยไทย เทควันโด ว่ายน้ำ ยูโด คาราเต้ ฯลฯ มีจำนวนทั้งหมด ๕๗๓ โรงเรียน โรงเรียนนอกระบบประเภทวิชาชีพ ซึ่งตั้งขึ้นเพื่อให้ศึกษาเกี่ยวกับวิชาชีพให้นักเรียนนำไปประกอบอาชีพหรือเพิ่มเติมทักษะในการประกอบอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นด้านอุตสาหกรรม ด้านการโรงแรมและการท่องเที่ยว ฯลฯ มีจำนวนทั้งหมด ๒,๖๘๙ โรงเรียน โรงเรียนนอกระบบประเภทกวดวิชา จัดตั้งขึ้นเพื่อเสริมความรู้บางรายวิชาตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีจำนวนทั้งหมด ๒,๖๒๙ โรงเรียน โรงเรียนนอกระบบประเภทสร้างเสริมทักษะชีวิต จัดตั้งขึ้นเพื่อเสริมสร้างความคิด เชาวน์ปัญญา และทักษะอื่น ไม่ว่าจะเป็น หลักสูตรวิชาภาษาจีนสำหรับเด็ก และภาษาอังกฤษสำหรับเด็ก และหลักสูตรที่โรงเรียนจัดทำขึ้นเอง มีจำนวนทั้งหมด ๔๗ โรงเรียน เป็นต้น ซึ่ง สช. รับผิดชอบในการกำหนดมาตรฐานหลักสูตร | |||
นายพรชัย พิศาลสิษฐ์กุล นายกสมาคมการศึกษาเอกชนนอกระบบ (ประเทศไทย) กล่าวถึงแนวนโยบาย แนวคิด มุมมอง ของสมาคมเป็นอย่างไร เพื่อให้เป็นประโยชน์ในการต่อยอดต่อไป | |||
นายกงกฤช หิรัฐกิจ ผู้รับใบอนุญาต ผู้บริหารโรงเรียนการจัดการโรงแรมและการท่องเที่ยวนานาชาติ กล่าวถึงแง่คิด มุมมอง ในส่วนของธุรกิจ และภาครวมของการจัดการศึกษาเอกชนนอกระบบว่า มีความสำคัญ และจำเป็นมากน้อย แค่ไหน อย่างไร สิ่งที่ขาดไปคือ ต้องการให้รัฐบาลปรับแก้ และเพิ่มเติมให้ดีขึ้น | |||
นางสุทธิ์สมร แสงสุรศักดิ์ชัย ผู้บริหารโรงเรียนสอนขับรถยนต์ ID DRIVER จังหวัดขอนแก่น กล่าวถึงการบริการด้านการศึกษาซึ่งเป็นการศึกษานอกระบบจะช่วยเสริมสร้างศักยภาพของธุรกิจ | |||
ผู้ดำเนินรายการ: | ในการพัฒนาไปสู่ประเทศไทย ๔.๐ ในอนาคตจะต้องมีการปรับหลักสูตรหรือไม่ | ||
ผอ. สกม.: | เมื่อประกาศเป็นประเทศไทย ๔.๐ ข้อดีของโรงเรียนเอกชนนอกระบบ โรงเรียนจะมีการปรับตัวให้รวดเร็วขึ้น สิ่งที่เอกชนทำได้คือ เอกชนสามารถปรับได้เลย โดยมีการพัฒนาหลักสูตรที่มีอยู่ก้าวไปสู่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงของโลก เช่น โรงเรียนสอนขับรถยนต์ ID DRIVER จังหวัดขอนแก่น นอกจากจะสอนขับรถทั่วไป จะมีการสอนเรื่องภาษาสำหรับคนขับเท็กซี่ที่ต้องการพัฒนาเพิ่มเติม การสอนคนขับรถหัวลาก รถหัวลากไม่ได้ลากเฉพาะประเทศไทย จะผ่านประเทศต่าง ๆ เช่น ลาว กัมพูชา ฯลฯ สิ่งที่จำเป็นต้องรู้นอกจากเรื่องภาษาแล้ว จะต้องมีความรู้เรื่องกฎระเบียบของแต่ละประเทศ ดังนั้นการศึกษาเอกชนต้องมีการปรับตัวอย่างรวดเร็ว | ||
ผู้ดำเนินรายการ: | ในการศึกษาเอกชนระบบนอกระบบต้องมีการปรับตัวเพื่อพัฒนาไปสู่ประเทศไทย ๔.๐ หลังจากที่ได้ข้อคิดเห็น และคำแนะนำต่าง ๆ แล้ว สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษาจะดำเนินการอย่างไรต่อไป | ||
ผอ. สกม.: | สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษาจะดำเนินการกำหนดการศึกษานอกระบบโดยจะพิจารณาให้ครบทุกช่วงวัย สิ่งสำคัญคือ ในช่วงวัยแรงงานจะต้องมีการพัฒนาวิชาชีพไปสู่ระดับที่สูงขึ้น และเป็นมาตรฐานสากล มีความเป็นเลิศมากขึ้น ดังนั้น จึงควรพัฒนาตนเองโดยไม่กระทบกับงานที่ทำอยู่ เช่น การเรียนเสริมโดยใช้ระบบสะสมหน่วยกิจ และสามารถนำมาปรับวุฒิการศึกษาได้ หรือการเชื่อมไปยังกรอบคุณวุฒิวิชาชีพ ที่จัดทำขึ้นเพื่อเป็นเกณฑ์ในการกำหนดระดับคุณวุฒิวิชาชีพที่กำหนด โดยระดับสมรรถนะตามมาตรฐานอาชีพ นอกจากนี้ จะต้องพัฒนาองค์ความรู้ด้านอื่น เช่น มีการผลิตและมีธุรกิจใหม่ ๆ เกิดขึ้น มีการพัฒนาการสื่อสาร เทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้อง พัฒนาสเต็มศึกษา การวิจัยและพัฒนาของมหาวิทยาลัย หรือนักวิจัย เพื่อช่วยกันตอบโจทย์ในการกำหนดระบบการศึกษาว่า ควรจะเป็นอย่างไร ในส่วนของผู้ประกอบการ สิ่งที่ต้องการคือ รัฐควรปล่อยให้ผู้ประกอบการสามารถที่จะพัฒนาองค์กรได้รวดเร็ว และรัฐจะทำหน้าที่ในการอำนวยความสะดวกให้ | ||
สำหรับการจัดสภาการศึกษาเสวนา OEC Forum ครั้งต่อไป จะจัดขึ้นวันที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๖๐ ประเด็น “การพัฒนาผู้มีความสามารถพิเศษสู่ศักยภาพการแข่งขันของประเทศ” ซึ่งผู้สนใจสามารถเข้ามารับฟังการถ่ายทอดสดได้ทาง Facebook Fanpage “เด็กไทยในฝัน โดยสภาการศึกษา” หรือสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.onec.go.th | |||
ผู้ดำเนินรายการ: | วันนี้ ขอขอบพระคุณ นายเฉลิมชนม์ แน่นหนา ผู้อำนวยการสำนักพัฒนากฎหมายการศึกษา รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านระบบการศึกษา สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา ที่มาให้ความรู้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้รับฟังรายการ วันนี้ขอขอบพระคุณและสวัสดีครับ | ||
................................................................................... | |||